Resident Evil 7


    Resident Evil 7 เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการไม่ใช่ภาคเสริม ที่เรียกเสียงฮือฮาให้คอเกมทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวในงาน E3 ไปจนถึงการปล่อยเดโมออกมาให้เล่นก็ยิ่งตอกย้ำรูปแบบการเล่นที่หวนคืนไปสู่ความสยองมากกว่าภาคหลังๆที่แทบจะกลายเป็นเกมยิงไปแล้ว


    แต่ก่อนจะเข้าตัวเกม กราฟิกเป็นประเด็นแรกที่ต้องพูดถึงเพราะดูภายนอกแล้วมันอาจจะดูน่าผิดหวัง เพราะไม่ได้ลงรายละเอียดเท่าไรฉากบางส่วนดูหยาบเกินไปที่จะเป็นเกมบน PS4 , XboxOne แต่เรื่องสร้างบรรยากาศความหลอนเอาไปเลยเต็ม10 งานออกแบบที่เล่าเรื่องราวที่ส่วนใหญ่อยู่ในสถานที่จำกัด มีการเล่นแสงเงาและใช้ความมืดมาหลอกหลอนผู้เล่นโดยเฉพาะหากคุณเล่นตอนกลางคืนปิดไฟเล่น และแน่นอนว่าระบบเสียงมีส่วนเสริมในความหลอนในเกมได้อีกหลายเท่าเพราะมีการพากย์เสียงที่สุดยอดระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แนะนำว่าตอนเล่นควรเปิดลำโพงดังๆเพื่อเพิ่มความสยอง


*****************************************************************************************************************************

    เรื่องราวในเกมจะโฟกัสไปที่ครอบครัว Bakers ที่ตัวเอก Ethan Winters ต้องออกสำรวจบ้านสยองที่เต็มไปด้วยความหลอนแบบหนังสยองขวัญกันเต็มสูบ มีการนำเสนอทั้งแบบหนังฆาตกรโรคจิต หรือหนังผีแบบหลอนๆ และแน่นอนแบบสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้ ก็ยังใส่เข้ามา แถมยังเล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตาม มีอะไรให้ประหลาดใจกันตลอด แน่นอนว่าต้องมีการหักมุมกันให้เซอร์ไพรส์แบบที่คาดเดากันไม่ได้


    แต่ภาพในเกมค่อนข้างมีความรุนแรงสูงมาก มีการพูดคำหยาบคายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งมีฉากชวนอาเจียนอยู่มากมาย ใครจะเล่นก็ต้องทำใจก่อนและไม่เหมาะสำหรับเด็กแน่ๆ อย่างไรก็ตามตอนเริ่มเกมอาจจะเหมือนกับการเป็นเรื่องของครอบครัวเล็กๆ แต่ก็มีการผูกกับเรื่องราวที่มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับภาคหลักทำให้มันก็คือผีชีวะแบบที่คุณและผมคุ้นเคยกันมาเป็นสิบปี และสมกับที่เป็นภาค 7 แน่ๆ


    รูปแบบการเล่นเมื่อเริ่มมันคือเกมสยองเอาตัวรอดด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เน้นความหลอนเต็มสูบ ตัวเอก Ethan Winters ต้องหาทางรอดในสถานที่จำกัดในบ้านของครอบครัว Bakers ที่สมาชิกแต่คนก็ล้วนผิดปรกติ เกมในช่วงแรกนับเป็นจุดเด่นของภาคนี้ เพราะถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม หากคอเกมเป็นคนขวัญอ่อนก็อาจจะหลอนจนเล่นต่อไม่ได้เพราะมันทั้งอึดอัดและกดดันกันตลอดเวลาการท่องไปในบ้านร้างที่ชวนสยอง


    เช่นเดียวกับ ระบบการต่อสู้ที่ยังคงเน้นไปที่การใช้ปืนทุกอย่างคือมาตรฐานของเกมยิงที่เน้นความหลอนซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่การที่มีอาวุธปืนและกระสุนที่จำกัด ทำให้เราต้องเล็งที่จุดตายของศัตรูให้แม่นๆไม่เช่นนั้นกระสุนก็จะไม่พอแน่ แนะนำว่าให้วิ่งหนีในจุดที่ทำได้น่าจะดีกว่า และยังมีการใช้อาวุธในระยะประชิดเช่นมีด หรือเลื่อยไฟฟ้า ที่มีฉากที่เกมสร้างออกมาให้ใช้กันแบบจัดเต็ม อย่างไรก็ตามแม้จะดูอึดอัดกดดันเกี่ยวกับจำนวนอาวุธในช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงกลางไปจนถึงช่วงท้ายเกมประเภทอาวุธจะมากขึ้น มีทั้งปืนลูกซอง , ปืนไฟ , ปืนกล , ปืนยิงระเบิด แบบที่คุ้นหน้าคุ้นตามาให้ใช้กันด้วยช่นเดียวกับ ระบบการต่อสู้ที่ยังคงเน้นไปที่การใช้ปืนทุกอย่างคือมาตรฐานของเกมยิงที่เน้นความหลอนซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่การที่มีอาวุธปืนและกระสุนที่จำกัด ทำให้เราต้องเล็งที่จุดตายของศัตรูให้แม่นๆไม่เช่นนั้นกระสุนก็จะไม่พอแน่ แนะนำว่าให้วิ่งหนีในจุดที่ทำได้น่าจะดีกว่า และยังมีการใช้อาวุธในระยะประชิดเช่นมีด หรือเลื่อยไฟฟ้า ที่มีฉากที่เกมสร้างออกมาให้ใช้กันแบบจัดเต็ม อย่างไรก็ตามแม้จะดูอึดอัดกดดันเกี่ยวกับจำนวนอาวุธในช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงกลางไปจนถึงช่วงท้ายเกมประเภทอาวุธจะมากขึ้น มีทั้งปืนลูกซอง , ปืนไฟ , ปืนกล , ปืนยิงระเบิด แบบที่คุ้นหน้าคุ้นตามาให้ใช้กันด้วย


    อย่างไรก็ตามเมื่อเล่นไปพักหนึ่ง จนชินกับความหลอนและปรับให้เข้ากับรูปแบบในเกมแล้ว คุณจะพบว่ามันก็คือเกมซีรีส์ Resident Evil ที่พวกเราคุ้นเคยกันในอดีต เพราะมันยังอยู่ในรูปแบบการเล่นที่เป็นการเอาตัวรอดจากสถานที่จำกัด โดยการออกค้นหาสำรวจ เพื่อเปิดทางไปต่อเรื่อยๆ รวมทั้งมีไอเทมพิเศษที่จะช่วยให้คุณเปิดทางไปได้ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ที่เราต้องสำรวจและแก้ปริศนาไปพร้อมกับการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด แทบไม่มีอะไรแตกต่างนอกจากมุมกล้องที่นำเสนอแบบมุมมองบุคคลที่ 1


    ส่วนไอเทมภาคนี้มีการใช้รูปแบบที่คุ้นเคยกัน ไม่ว่าจะเป็นการหากุญแจที่มีสัญลักษณ์เดียวกับประตูเพื่อเปิดทาง , กล่องเก็บของในห้อง Save (ที่ภาคนี้ใช้ Save ที่เครื่องเล่นเทป) รวมถึงการแก้ปริศนาที่มีหลายอย่างดูเหมือนหลุดมาจากภาคแรก เช่นการหมุนรูปภาพ , การหมุนวงล้อด้วยกลไก และ มีระบบเมนูไอเทมที่ต้องมานั่งจัดเรียงอาวุธเพื่อขนไปให้ได้มากที่สุด หรือการสำรวจของเพื่อหาสิ่งที่ซ่อนไว้ เช่นเปิดหนังสือแล้วเจอไอเทม ที่ล้วนเคยอยู่ในซีรีส์ผีชีวะในภาคก่อน (โดยเฉพาะภาคแรก) ที่เหมือนผู้สร้างจงใจทำเพื่อเอาใจแฟนเก่า(แก่)โดยเฉพาะ ส่วนการวัดพลังชีวิตยังใช้เส้นชีพจรหัวใจ เหมือนเดิม แต่การนำเสนอทำได้โดดเด่นเพราะมันอยู่บน นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ทำให้มันดูแปลกตาและไม่เชย


    แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ความดีงามของช่วงแรกที่มีทั้งฉากบ้านชวนหลอน บรรยากาศและการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจรวมทั้งยังแตกต่างจากซีรีส์ Resident Evil ที่เราคุ้นเคย เริ่มค่อยๆจางหายไปเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของเกม เพราะมันก็แทบจะไม่ต่างจากเกมยิงสยองขวัญเหมือนผีชีวะภาคหลังๆที่ตัวเอกมีอาวุธหนักครบมือ หรือการที่เกมใช้ไอเดียเดิมๆซ้ำไปหน่อยไม่ว่าจะเป็นระบบ Puzzle ที่เล่นกับแสงเงาที่ใช้ซ้ำมากไป และบางช่วงที่ดูแทบไม่มีอะไรนอกจากเดินหาของ หรือเดินลุยให้ผ่านๆไปต่างจากช่วงแรกที่มีสิ่งที่น่ากลัวและสยองกว่า และปิดท้ายกับบอสใหญ่ในเกมที่น่าผิดหวังไปนิดเมื่อเทียบกับบอสตัวอื่นในเกมที่ทำมาดูดีกว่า


    อีกทั้งตัวเกมไม่ได้ยาวเท่าไรหากรีบเล่นให้จบก็ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง หากนับแค่ความยาวอาจไม่คุ้มค่าราคาแผ่นแท้นัก แต่สามารถกลับมาเล่นอีกรอบได้เพื่อเก็บความลับให้ครบ รวมทั้งกลับมาท้าทายในระดับความยากที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งนั่งเก็บเหรียญที่ซ่อนไว้เพื่อมาปลดล็อกไอเทมใหม่ และแน่นอนว่าอนาคตต้องมีตัว ดาวน์โหลดเสริมออกมาอีกแน่เพราะยังคงมีบางอย่างที่ค้างคาใจที่ยังไม่ถูกบอกเล่าในตัวเกมหลัก


    ข้อเสียอีกอย่างสำหรับการดำเนินเนื้อเรื่องสำหรับผมก็คือ ถ้าคุณไม่ได้พยายามต่อ Jigsaw ข้อมูลแต่ละอย่างที่คุณเก็บได้ระหว่างการเล่น เราจะไม่ค่อยอินกับเนื้อเรื่องเท่าไร รู้แต่เพียงว่า คือเมียตูหายแค่นั้นแหละ ตูต้องไปตามเอาเมียคืนมาแค่นั้น ซึ่งจริงๆ บทเนื้อเรื่องของเกมมีมากว่าที่แสดงให้เห็นจาก Major Event ในเกม ซึ่งจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าสามารถคิดหาวิธีเล่าเรื่องให้ได้มากกว่านี้


    เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกของ RE กับมุมมองแบบบุคคลที่หนึ่ง ทำให้เราได้เห็นรูปแบบการเล่นที่ต่างออกไปจากที่เคยเป็นมุมมองแบบบุคคลที่สามมาตลอด ภาคเก่าๆ นั้นจะเล่นกับเราโดยใช้มุมกล้องแกล้งให้เราตกใจอยู่บ่อยครั้ง ครั้งแรกที่รีวิวเกมนี้ก็แอบคิดว่ามันจะไม่มีในส่วนนี้ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ มุมมองแบบบุคคลที่หนึ่งเนี่ยที่ผู้พัฒนายังสามารถทำให้เราหลอนได้อีกครั้งหนึ่ง แนวเกมที่เปลี่ยนไปจากภาคหลังและดูเหมือนจะกลับมาเป็นภาคแรกอีกครั้งหนึ่งก็คือ การให้เราได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เรารู็สึกได้ว่าเราไปติดอยู่ในวังวลของความน่ากลัวอยู่จริงๆ เหมือนกับภาคแรกๆ ที่บ่อยครั้งเราต้องกลับไปจุดแรกๆ ของเกมอีกครั้งเพื่อไปเปิดประตูหรือแก้ปริศนาหากุญแจ ทำให้รู้สึกได้ว่า ตูติดอยู่ในบ้านร้างนี่จริงๆ ซึ่งภาคก่อนหน้านี้ออกจะเป็นแนวเส้นตรงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ซะมากกว่า


    การควบคุมนั้นถือว่าทำให้มาได้ดีเพราะออกแนว fps ทั่วไป ติดก็ทีมีการกด บล็อค เพิ่มเข้ามาเนื่องจากว่า สปีดในการวิ่งหนีของ Ethan นั้นประหนึ่งเต่าญี่ปุ่นตัวนึงเลยทีเดียว แต่คิดว่าเป็นการตั้งใจให้เรารู้สึกกดดันมากกว่า แต่ที่ขัดใจก็คือ คนปกติก็ไม่ได้วิ่งช้าขนาดนี้นะนายจ๋า อาวุธในเกมนั้นมีให้เลือกเล่นหลากหลายชนิด ปืน พก สั้นยาว ไรเฟิล ลูกซอง มีมาให้เล่นพอสมควร ถือว่าเรื่องอาวุธนั้นทำออกมาได้โอเค ติดก็ที่ปืนบางชนิด กว่าจะยิงได้แต่ละนัดนี่ช้าไป๊ เรียกได้ว่า Rate of Fire ออกจะไม่สมจริงเท่าไร แต่ก็อีกนั่นแหละครับ คิดว่าเป็นการจงใจทำให้เกมตื่นเต้นขึ้นมากกว่า


    ศัตรูในเกมถ้าใครยิงไม่แม่นนี่บอกเลยลำบาก เพราะว่ามันอึดมาก ยิงแต่หัวยังเป็นสิบๆ นัด คือเราต้องมีสกิลในส่วนนี้พอสมควรเลย ข้อเสียอย่างเดียวเลยคือ ศัตรูซ้ำซากไปหน่อย ถ้าไม่นับบอส เราจะไม่ได้เห็นตัวแปลกๆเท่าไรนัก แต่เกมจะเน้นจำนวนศัตรูมากๆ มาให้เราใช้หัวในการคิดหาวิธีจัดการมันซะมากกว่า ศัตรูในเกมถ้าไม่นับพวกตัวแม่แล้วละก็จะไม่ได้ฉลาดเท่าไร คือเน้นอึดซะมากกว่า แต่ที่ต้องชมคือ การเคลื่อนไหวของศัตรูโดยเฉพาะในส่วนหัว ทำออกมาได้ยิงยากซะเหลือเกิน ลองเล่นดูละจะเข้าใจที่ผมพูดเหอๆ


    เรื่องเสียงนั้นผมขอยกให้เลยว่าทำออกมาได้ถูกใจเลย เสียงผ้าม่านปลิว เสียงลมพัดเข้ามาทางช่องลม เสียงประตูหน้าต่างกระแทกแบบไม่มีสาเหตุ เสียงออดแอดของไม้เก่าๆ ในตัวบ้าน เสียงบ้าๆ บอๆ ต่างๆ ที่ระดมเข้ามาสร้างความหลอนให้กับเรา โดยรวมคือทำเสียงสภาวะแวดล้อมผู้เล่นออกมาได้ดีมากๆ เสียงปืนก็ค่อนข้างจะสมจริง คือไม่ได้ง้องแง้งแบบช็อตกันก็ดูแรงจริงๆ แบบที่มันควรจะเป็น


    สรุปกันตรงนี้เลยว่า Resident Evil 7 กลับอยู่บนเส้นทางของตัวเองแบบดั้งเดิมได้อีกครั้งนึง ข้อเสียเพียงอย่างสองอย่างตามที่ได้กล่าวไปแล้วไม่ได้ทำให้เกมสนุกน้อยลงแต่อย่างใด ต้องบอกว่ามันเป็นเกมที่ให้ความกดดันได้ดีเกมหนึ่งเลยแหละ แต่ถ้าถามว่ามันออกแนวน่ากลัวจนอยากวางจอยไปทำอย่างอื่นเลยรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่แบบนั้นครับ เกมจะออกแนวกดดันให้คุณเครียดเรื่องอื่นมากกว่าว่า กระสุนไม่พอทำไง ยาไม่พอหาจากไหนดี เพราะเรายังสามารถสู้ได้ไง ไม่เหมือนพวกแนวหลอนประสาทแบบ PT OUTLAST นะครับอย่าเอาไปรวมกัน อันนี้ส่วนตัวผมว่ายังมีความเป็น Action Survival เต็มขั้นเลยแหละ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำผมว่า ถ้าจิตไม่อ่อนไม่ขี้ตกใจ การกลับมาของ Resident Evil 7 ถือว่าเป็นการก้าวเดินที่ถูกต้องของซีรีส์สยองขวัญที่หวนคืนกลับสู่อดีตอันหอมหวานหลังจากก่อนหน้านี้หลุดโลกไปเป็นเกมยิงจนเสียความเป็นตัวเองไป เพราะมันคือ Resident Evil แบบที่เราคุ้นเคยแค่เปลี่ยนมุมมองเท่านั้น และหากภาคนี้ประสบความสำเร็จขายดีขึ้นมา ไม่แน่ว่าทาง Capcom อาจนำรูปแบบนี้ไปสานต่อเป็นภาคต่อ หรือภาคเสริมออกมาให้เราเล่นอีก แต่ที่แน่ๆ Resident Evil 7 มันได้เป็นหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมประจำปี 2017 ไปแล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก beartai.com และ gamingroom.co

*****************************************************************************************************************************


ขอบคุณวิดีโอดีๆจาก GamingDoseTH

*****************************************************************************************************************************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น